ไปดูหนัง พอดีมีหนังเข้าใหม่อยากดูครับ ซึ่งนั้นก็คือ Resident Evil: Afterlife
ก่อนที่เราจะไป review กัน ไปดูรายละเอียดของหนังกันก่อนดีกว่าครับ
ข้อมูลภาพยนตร์
ชื่ออังกฤษ
Resident Evil: Afterlife
ชื่อไทยผีชีวะ 4 สงครามแตกพันธุ์ไวรัส
ประเภทหนัง
Action/Sci-fi/Horror
ผู้กำกับ
Paul Anderson
วันที่เข้าฉาย
09 September 2010
นักแสดง
Milla Jovovich, Ali Larter, Wentworth Miller, Spencer Locke, Alex Williams, Shawn Roberts, Boris Kodjoe, Mike Epps
เรทภาพยนตร์ - ไทย

trailer
ผีชีวะ 4 สงครามแตกพันธุ์ไวรัส | เรื่องย่อ
เมื่อโลกถูกคุกคามโดยไวรัสที่เปลี่ยนให้เหยื่อกลายเป็นซอมบี้ ฮีโร่สาวสุด
อันตราย อลิซ (มิล่า โจโววิช) ก็เริ่มทำการค้นหาผู้ที่ยังมีชีวิตรอดและตามล่า อัล
เบรลล่า คอร์ป ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด Resident Evil: Afterlife ภาค
4 ของหนังที่สร้างจากเกมส์ที่ได้รับความนิยมที่สุด โดย อลิซ ต้องเดินไปทางไอยัง
โตเกียว อลาสก้า และเมืองลอสแองเจลิสที่เต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ รวมถึงการผชิญหน้ากับ
อสูรกายที่โหดร้ายที่สุด
Resident Evil: Afterlife ภาค 4 มีเรื่องราวต่อจากเหตุการณ์ในภาคที่แล้ว เมื่อ
อลิซ เดินทางไปญี่ปุ่นด้วยความสามารถพิเศษและนำกองทัพโคลนของเธอบุกเข้าฐาน
กำลังของ อัลเบรลล่า คอร์ป ที่มีประธานบริษัท อัลเบิร์ต เวสเกอร์ เป็นผู้อยู่เบื้อง
หลัง หลังจากเกิดการปะทะ อลิซ สูญเสียทั้งตัวโคลนและพลังพิเศษจนหมด เธอตัดสิน
ใจบินไปยังอลาสก้าที่เธอได้รับประกาศจาก อาร์เคเดีย ว่าปลอดภัยจากที-ไวรัส
ถึงแม้ที่นี่จะไม่ใช่สวรรค์อย่างที่เธอคิด แต่ อลิซ ก็ได้พบกับเพื่อนเก่าอย่าง
แคลร์ ซึ่งสูญเสียความทรงจำไปทั้งหมด ทั้งสองออกเดินทางเพื่อหาคำตอบจนถึงเมือง
ลอสแองเจลิส และพบกับกลุ่มผู้รอดชีวิตในคุกที่มีการป้องกันที่แน่นหนา อลิซ และ
แคลร์ ได้พบกับ คริส พี่ชายของ แคลร์ ที่ถูกขังในคุก ทั้งสามค้นพบกับมหันตภัย
บางอย่างที่น่าสะพรึงเกินกลัวกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด
แนะนำภาพยนตร์
Resident Evil: Afterlife - ผีชีวะ 4
มหากาพย์สงครามไวรัส สุดมันส์ ขั้นอมตะ!!!

กลับมาอีกครั้งกับภาคต่อของหนังแอ็คชั่น/ไซไฟเรื่องยิ่งใหญ่แห่งปี กลับมาคราวนี้เรียกว่าสร้างความตื่นเต้นอย่างมากให้กับเหล่าสาวก เพราะนอกเหนือจากจะได้ พอล ดับบลิวเอส แอนเดอร์สัน กลับมานั่งแท่นผู้กำกับอีกครั้ง Resident Evil: Afterlife ยังถูกขึ้นป้ายว่า ถ่ายทำในระบบสามมิติที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งใช้กล้องตัวเดียวกับที่ใช้ใน Avatar อีกด้วย! อยากรู้แล้วซิว่า Resident Evil: Afterlife จะสุดยอดขนาดไหน? ถ้างั้นไปดูกันเลย...
ไอเดียที่ถูกต่อยอดมาจากหนังภาคก่อนๆ

ในสามภาคแรกของ Resident Evil มิล่า โจโววิช ที่รับบทเป็น อลิซ นักสู้ซอมบี้สาว ผู้ต้องต่อกรกับองค์กรอัมเบรลล่าที่ชั่วร้าย และเหล่าอสูรกายพันธุ์สยองที่ถูกพัฒนาด้วยที-ไวรัส ใน Resident Evil: Afterlife ซึ่งเป็นภาค 4 ได้ยกระดับหนังขึ้นไปอีกขั้น ด้วยฉากสตันท์ที่เหนือจินตนาการ เอฟเฟ็กต์ที่น่าทึ่งในระบบสามมิติ ซึ่ง เจเรมี่ย์ โบลท์ ผู้อำนวยการสร้างบอกว่า "ภาคนี้มีปืนมากมาย ผู้หญิงสวย สุนัขฉีกหัวได้ เอฟเฟ็คตระการตา แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการกลับมาของ มิล่า และเธอก็ทุ่มเทเต็มที่มากกว่าทุกภาค"
ผู้กำกับ พอล ดับบลิวเอส แอนเดอร์สัน กับความท้าทายครั้งใหม่

พอล ดับบลิวเอส แอนเดอร์สัน กลับมารับหน้าที่ผู้กำกับอีกครั้งใน Resident Evil: Afterlife หลัง จากสองภาคที่ผ่านมาเขาเป็นเพียงแค่ผู้อำนวยการสร้าง ซึ่งเขาได้สร้างความท้าทายให้กับตัวเองในหนังภาคล่าสุด ด้วยการสร้างตำนานบทใหม่ของหนังด้วยเอฟเฟ็กต์ที่ยิ่งใหญ่ เต็มไปได้วยอสูรกายที่มีความท้าทายมากกว่าเดิม ที่สำคัญ Resident Evil: Afterlife เป็นหนังที่ถ่ายทำในระบบสามมิติที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งใช้กล้องตัวเดียวกับที่ใช้ใน Avatar ซึ่งนี่ถือเป็นความใฝ่ฝันสูงสุดของ แอนเดอร์สัน เพราะเขาอยากสร้างหนังสามมิติมานานแล้ว
เมื่อ อลิซ กลับมาเป็นมนุษย์!

สิ่งหนึ่งที่แตกต่างออกไปก็คือในหนังภาคนี้ก็คือ อลิซ ต้องพบกับความท้าทายใหม่ นั่นก็คือการกลับมาเป็นมนุษย์ของเธอ แต่ในขณะที่ อลิซ กลับมาเป็นมนุษย์ กลุ่มซอมบี้ก็มีวิวัฒนาการที่อันตรายมากขึ้น แต่เหนือไปกว่าความตื่นเต้นและฉากแอ็คชั่น Resident Evil: Afterlife ก็ยังมีเรื่องราวน่าประทับใจที่เชื่อมถึงคนดู เช่น การพูดถึงบริษัทชั่วร้ายที่เป็นผู้บงการเรื่องราวทั้งหมด หรือการกล่าวถึงจิตวิญญาณของมนุษย์ ดวงไฟแห่งความหวัง ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ อลิซ เดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆ แม้จะต้องเธอเดินท่องอยู่ในทะเลทรายคนเดียวแบบเดียวกับที่เราเห็นในหนังภาคที่แล้ว
มิล่า โจโววิช กลับมารับบท อลิซ

ถึงแม้ว่า Resident Evil: Afterlife จะมีหลายสิ่งหลายอย่างแตกต่างออกไป แต่สิ่งหนึ่งที่ยังเหมือนเดิมนั้นก็คือ อลิซ ซึ่งรับบทโดย มิล่า โจโววิช หลังจากผ่านไป 8 ปีและหนัง 4 ภาค โจโววิช รู้จัก อลิซ ดีกว่าทุกคน แอนเดอร์สัน เล่าว่า "เมื่อผมคุยกับเธอในตัวตนของ อลิซ ผมอ้างอิงไปถึง คลินท์ อีสท์วู้ด จากเรื่อง Dirty Harry หรือนักแสดงอย่าง ชาร์ล บรอนสัน และ สตีฟ แม็คควีน พวกเขาเป็นสัญลักษณ์ของคนแกร่ง มีนักแสดงชายหลายคนที่อยากเป็น คลินท์ อีสท์วู้ด หรือ สตีฟ แม็คควีน แต่ไม่มีนักแสดงหญิงคนไหนที่ทำมันได้น่าเชื่อถือเท่ากับ มิล่า"
โจโววิช เป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงเพียงไม่กี่คนที่สามารถเป็นหัวแรงหลักในหนังแอ็คชั่นได้ แอนเดอร์สัน พูดต่อไปว่า "ซีกอนี่ย์ วีเวอร์ ประสบความสำเร็จไป Alien ผมคิดว่ามันมีเหตุผลเดียวกัน เธอเป็นนักแสดงหญิงที่มีความสามารถและทำให้คุณเชื่อในโลกของนิยายวิทยา ศาสตร์ ที่มีสัตว์ประหลาดอย่างเอเลี่ยนหรือว่าซอมบี้ มิล่า มอบสิ่งนั้นให้กับพวกเรา"
โจโววิช เล่าว่าเธอรู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครนี้มาหลายปีแล้ว "ฉันรู้สึกตื่นเต้นว่ากับการผจญภัยครั้งใหม่ของเธอ อลิซ กลายเป็นส่วนสำคัญในชีวิตของฉัน เธอกลายเป็นส่วนหนึ่งของตัวฉัน" โดยเธอยังเล่าถึงพัฒนาการของตัวละครนี้ว่า "อลิซ เริ่มด้วยการเป็นตัวละครบริสุทธิ์ที่จำอะไรไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จากนั้นถึงมารู้ใจว่าเธอมส่วนรับผิดชอบของการแพร่กระจายของที-ไวรัส เธอจึงรู้สึกผิดตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา"
ใน Resident Evil: Afterlife โจโววิช พบกับความท้าทายใหม่ๆ ด้วยการรับบทเป็นตัวโคลนทั้งหมด เธอเล่าถึงความตื่นเต้นในการแสดงครั้งนี้ว่า "ฉันต้องรับบทเป็น อลิซ ในรูปแบบที่หลากหลาย ซึ่งแต่ละตัวก็มีบุคลิกที่แตกต่างกันออกไป พวกเธอไม่ใช่ตัวละครที่สร้างขึ้นจากเอฟเฟ็กต์"
อาลี ลาร์เตอร์ ในบทของ แคลร์

Resident Evil: Afterlife ยังเป็นการกลับมาของผู้รอดชีวิตในภาคที่แล้ว ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ แคลร์ ที่รับบทโดย อาลี ลาร์เตอร์ โดย โจโววิช ก็รู้สึกผูกพันธ์กับนักแสดงสาวร่วมจอเหมือนกับที่ อลิซ รู้สึกกับ แคลร์ "พวก เรากลายเป็นเพื่อนสนิทกัน อาลี นำเอาความสมจริงเข้ามาในบท ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกับนักแสดงที่ทั้งแข็งแกร่ง ฉลาด และสวย และก็ทำให้ฉันต้องพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อเท่ากับการแสดงของเธอ"
ลาร์เตอร์ รู้สึกตื่นเต้นที่ แอนเดอร์สัน ตัดสินใจนำเธอกลับมาในภาคนี้ ซึ่งนี่คือบทที่สร้างชื่อให้กับเธอที่สุด และเธอยังตั้งหน้าตั้งตารอที่จะร่วมงานกับ โจโววิช อีกครั้ง "สิ่งที่พิเศษในแฟรนไชส์หนังเรื่องนี้ นั้นก็คือมันมีตัวละครหญิงที่แข็งแกร่งสองคน อลิซ และ แคลร์ เป็นนักสู้ทั้งคู่ พวกเธอมีจิตวิญญาณที่ไม่สามารถทำลายได้ พวกเธอพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาชีวิตรอด และยังดูแลซึ่งกันและกัน"
เวนท์เวิร์ท มิลเลอร์ รับบทเป็น คริส เรดฟิลด์

เหมือนกับนักแสดงทุกคน มิลเลอร์ ให้ความเคารพสาวกพันธุ์แท้ของแฟรนไชส์ "Resident Evil: Afterlife ทำเหมือนอย่างที่หนังภาคก่อนหน้าได้ทำ คือเข้าไปสำรวจโลกหลังหายนะอย่างเต็มที่ ไม่เพียงแต่คุณจะได้รับความสยองและความตื่นเต้น แต่คุณยังจะได้พบกับตัวละครที่คุณคุ้นเคย ไม่ใช่ว่าคุณอยากจะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์เดียวกับ อลิซ, แคลร์ และ คริส แต่มันจะเป็นการผจญภัยที่น่าตื่นเต้น"
การที่หนังมีตัวละครนำเป็นผู้หญิงเป็นสิ่งที่ มิลเลอร์ รู้สึกชื่นชม เขาเล่าว่า "ผมคิดว่า มิล่า เป็นผู้หญิงสวยที่มีพรสวรรค์ในการแสดงหนังแอ็คชั่น แนวทางที่เธอตั้งท่า การถือดาบ การใช้อาวุธ ผมคิดว่าเธอมีเอกลักษณ์มาก การได้เห็นว่าเธอมีทั้งความสง่างามและฉลาด ถือเป็นสิ่งที่น่าทึ่งจริงๆ"
บอริส ค็อดโจ รับบทเป็น ลูเธอร์ เวส

หัวหน้ากลุ่มผู้รอดชีวิตที่ตั้งฐานที่มั่นภายในคุก เขาเป็นผู้นำโดยธรรมชาติ เป็นนักกีฬาเก่าที่รับบทเป็นผู้นำด้วยความจำเป็น เขามีความมั่นใจและมีระเบียบวินัย โดย บอริส ค็อดโจ ได้ให้สัญญากับผู้ชมว่าภาคนี้จะเป็นภาคที่ตื่นเต้นที่สุด "ซอมบี้มีวิวัฒนาการที่น่ากลัว มันมีความพิเศษ อย่างเจ้าตัวที่ชื่อว่า ดิ แอ๊กซ์ แมน ที่ทำให้คนตัวสูงอย่างผมกลายเป็นคนแคระไปเลย ผมคิดว่าคนดูจะต้องทึ่งไปกับเหล่าอสูรกายในภาคนี้ และมันยังมีเรื่องราวที่ทำให้คุณอยากติดตามไปจนจบ"
ชอว์น โรเบิร์ต รับบทเป็น อัลเบิร์ต เวสเกอร์

ตัวละครผู้ร้ายของเกมส์และหนังภาคนี้ก็คือ อัลเบิร์ต เวสเกอร์ ประธานบริษัท อัมเบรลล่า คอร์ป ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งภาคนี้ เวสเกอร์ ได้รับเชื้อที-ไวรัสจนทำให้เขาแข็งแกร่งชนิดที่ไม่มีใครทำลายได้ เมื่อ อลิซ รู้ว่า เวสเกอร์ ไร้เทียมทาน เธอจึงหาวิธีที่จะมาต่อสู้กับเขา ซึ่งนำไปสู่ฉากการต่อสู้สุดท้ายที่น่าทึ่งที่สุด
ระบบ 3D ที่ทันสมัยที่สุดในโลกของ Resident Evil: Afterlife

จากฐานทัพของ อัมเบรลล่า คอร์ป ในกรุงโตเกียว ไปจนถึงเมืองลอสแองเจลิสในเปลวเพลิง Resident Evil: Afterlife เต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นที่น่าตื่นตา และวิชวลเอฟเฟ็คที่น่าทึ่ง ทั้งหมดถูกถ่ายทอดด้วยเทคโนโลยีสามมิติที่ทันสมัยที่สุดในโลก ซึ่งใช้กล้องตัวเดียวกับที่ใช้ใน Avatar
แอนเดอร์สัน พูดถึงการนำระบบสามมิติเข้ามาใช้ว่า "เมื่อตอนที่ผมเขียนบท ผมรู้ว่ามันจะต้องเป็นหนังสามมิติแน่นอน ผมเลยเขียนสถานการณ์และบรรยากาศที่ถ่ายทอดฉากสามมิติได้อย่างเต็มที่ เพราะผมเชื่อว่ามันกำลังเป็นสิ่งที่ปฏิรูปวงการภาพยนตร์ มันจะกลายเป็นมาตรฐานหนึ่งของอุตสาหกรรม มันน่าตื่นเต้นที่ได้ถ่ายทำและตัดต่อทุกขั้นตอนในระบบสามมิติ และไม่ใช่การเอาหนังปกติมาเปลี่ยนเป็นสามมิติหรืออะไร"

ข้อดีที่เด่นชัดที่สุดของหนังสามมิติคือ ความสามารถในการทำให้คนดูจมไปในสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น พอล เล่าว่า "มันเหมือนกับวิวัฒนาการของระบบเสียงในโรงหนังสมัยที่ผมยังเด็ก ไม่ใช่เพียงแค่เสียงจะออกมาจากจอเท่านั้น แต่มันยังมีเสียงที่ออกมาจากด้านหลังและเหนือหัวอีกด้วย ในปัจจุบันเองก็เช่นกัน ด้วยเทคโนโลยีสามมิติมันจะช่วยทำให้คุณเข้าไปอยู่ในโลกที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ ต่อหน้า"

เดนนิส เบรัลดี้ ผู้ดูแลวิชวลเอฟเฟค ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า "พวกเราสร้างลอสแองเจลิสที่กำลังผุพังที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน พวกเราทำลายกรุงโตเกียวจนราบ มีฝูงซอมบี้มากกว่า 500,000 ชีวิต จุดมุ่งหมายของเราคือการสร้างงานเอฟเฟ็คที่สอดคล้องกับเรื่องราว คุณจะแทบไม่รู้เลยว่าอะไรคือของจริงหรือสร้างจากคอมพิวเตอร์"

ด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวล้ำที่สุด ทำให้ทีมงานทุกคนมั่นใจว่า Resident Evil: Afterlife จะเป็นภาคที่มีความสดใหม่ที่สุด แอนเดอร์สัน กล่าวสรุปว่า "ถ้าคุณติดตามหนังมาแล้วทุกภาค ผมขอรับรองว่าคุณจะไม่เคยเห็นอะไรที่เหมือนในภาคนี้ มันจะเป็นการสร้างแบรนด์ Resident Evil ขึ้นมาใหม่สำหรับผู้ชมทุกคน มันจะเป็นปฐมบทใหม่แห่งตำนาน Resident Evil"
Review (ส่วนตัว)
สำหรับ Resident Evil: Afterlife ภาคนี่ก็เป็นภาคที่สี่เข้าไปแล้วนะครับสำหรับ
แฟรนไชน์หนังเรื่องนี้ ภาคนี้ได้มีการปรับปรุงหลายสิ่งหลายอย่างให้ดูน่าสนใจขึ้นกว่าภาคก่อนๆ มากทีเดียว ตั้งแต่ฉาก ซอมบี้ เนื้อเรื่อง ที่ดูจะเข้มข้นกว่าภาคก่อนๆ
สำหรับการดำเนินเรื่อง ทำออกมาได้ดี แต่ส่วนตัวผมว่า ยังมีหลายตอนที่ทำให้งง แล้วก็ไม่รู้สาเหตุถึงที่มาที่ไป ไม่บอกรายละเอียด อยู่ดีๆก็มา ก็ไป เหมือนตั้งใจจะทำให้สั้นหรืออะไรก็แล้วแต่ของผู้กำกับ แต่ก็ทดแทนด้วย ความตื่นเต้นและน่าติดตามของหนัง สามารถทำให้เราตกใจและเกร็งได้ตลอดทั้งเรื่อง
สำหรับด้านเอฟเฟค ไม่รู้ว่าเป็นเพราะผมไปดูโรงธรรมดาด้วยรึเปล่า เลยรู้สึกผิดหวังลึกๆกับหลายๆฉากที่ผมคิดว่า เนียนน้อยไปนิดนึง แต่ระบบ 3D อาจจะสุดยอดก็ได้ แต่โดยรวมแล้วฉาก ทำได้ดีเลยครับ
สำหรับตัวละครโดยรวมผมรู้สึกว่าสนุกและตื่นเต้นกับบทของตัวละครทุกตัว แต่ก็อีกแหละ ทำไมตัวละครหลักๆ ที่ผมคาดหวังไว้ว่าจะสุดยอด กลับกลายเป็น “เอ้า แค่นี้เหรอ” นิดเดียวจริงๆครับ ไม่งั้นมันจะเพอร์เฟคมาก
ยังไงหนังเรื่องนี้ก็สนุกอยู่ดีหละครับแต่อาจจะน่าผิดหวังนิดนึง ไปอย่างที่บอก แต่ถ้ามีภาคต่อก็คงจะไปดูอีก เพราะมันก็สนุกใช้ได้ในระดับที่โอเค แต่ด้วยความที่เห็นการโปรโมตเยอะ และทำออกมาเป็น 3D เลยคาดหวังไว้สูง พอมันไม่ได้อย่างที่หวังเลยผิดหวังนิดนึงครับ
สำหรับวันนี้พอแค่นี้ก่อนนะครับ ถ้ามีหนังเรื่องอะไรอีก ผมจะเอามาแนะนำเรื่อยครับ
By vinsant
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น