ข้อมูลหนัง

ชื่ออังกฤษ
Avatar
ชื่อไทยอวตาร
ประเภทหนัง
Sci-Fi/Fantasy/Action
ผู้กำกับ
James Cameron
ผู้แต่ง
-
วันที่เข้าฉาย
17 December 2009
ความยาวหนัง
-
นักแสดง
Sam Worthington, Zoë Saldaña, Sigourney Weaver, Michelle Rodriguez, Stephen Lang, Joel David Moore, Giovanni Ribisi, CCH Pounder, Dileep Rao, Matt Gerald, Laz Alonso, Peter Mensah, Wes Studi
เรทภาพยนตร์ - ไทย

เรทภาพยนตร์ - สากล
PG 13 (parents strongly cautioned)
สถานที่ถ่ายทำ
-
ภาษา
-
เว็บไซต์
http://www.avatarmovie.com/
อวตาร | เรื่องย่อ
เจค อดีตนาวิกโยธินหนุ่มที่เป็นอัมพาตครึ่งตัว ที่ถูกเรียกมาปฎิบัติหน้าที่ในภารกิจพิเศษที่จะต้องเปลี่ยนร่างกายของเขา (อวตาร) ให้กลายเป็นชาวมนุษย์ต่างดาวที่อาศัยอยู่ที่ดาวแพนดอร่า โดยเจค ต้องเข้าไปสอดแนมในกลุ่มของนาวี เพื่อนำทางให้มนุษย์เข้าไปตักตวงแร่อันมีค่าของที่นั่น แต่ยิ่งเจค ได้สัมผัสชีวิตบนดาว แพนดอร่า มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งหลงใหลในความงามของที่นี่มากขึ้นเท่านั้น ท้ายที่สุดเขาต้องเลือกระหว่างภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายจากโลกและความรัก ความผูกพันที่มีต่อชาวนาวี ในสงครามที่มีอนาคตของโลกมนุษย์เป็นเดิมพัน
เกร็ดภาพยนตร์
Avatar อภิมหากาพย์ แอนิเมชั่น 3 มิติ ที่จะเปลี่ยนแปลงวงการหนังไปตลอดกาล!

สิ้นสุดการรอคอยเสียที สำหรับคอหนังทั่วโลกที่กำลังรอยลโฉมหนัง อภิมหากาพย์ไซไฟ - แอนิเมชั่น เรื่องนี้อย่างจดใจจ่อ 12 ปี หลังประสบความสำเร็จแบบถล่มทลายกับ Titanic ผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน พร้อมแล้วที่จะกลับมาสร้างปรากฎการณ์อีกครั้ง ในผลงานชิ้นล่าสุด Avatar หนังมหากาพย์ 3 มิติ ซึ่งว่ากันว่าจะทำให้วงการภาพยนตร์เปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล! จะเป็นแบบนั้นจริงมั้ย? Avatar จะเจ๋งสักแค่ไหน? อลังการงานสร้างเพียงใด? และจะสมกับการเป็นหนังที่มีคนรอดูมากที่สุดของปีนี้หรือเปล่า? อยากรู้ไปดูเลยดีกว่า...
5 เรื่องที่คุณอาจจะยังไม่รู้เกี่ยวกับ...
เจมส์ คาเมรอน และ หนัง Avatar

1. เจมส์ คาเมรอน คือเจ้าของประโยคเด็ด“I’m the king of the world” (หรือแปลเป็นไทยว่า“ผมคือราชาของโลกนี้” ) ซึ่งเขาเคยประกาศกร้าวเอาไว้ระหว่างขึ้นรับรางวัลออสการ์เมื่อ 11 ปีก่อน ที่หนังของเขาเรื่อง Titanic กวาดออสการ์ไปครองถึง 11 รางวัล แถมยังกลายเป็นหนังที่ทำรายได้สูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ถึง $1.8 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

2. ความจริงแล้ว คาเมรอน เขียนบท Avatar ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้ทำ Titanic ด้วยซ้ำ แต่ด้วยเทคโนโลยีสมัยนั้น ที่อย่างมากสุดทำได้แค่ แอนิเมชั่น คาเมรอน (ที่ยึดมั่นในคติที่ว่า “เล็กๆ ไม่ ใหญ่ๆ ทำ”) ก็เลยตัดสินใจพักโปรเจ็กต์นี้ไว้ก่อน โดยบทหนังชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ที่มีชื่อเรียกเก๋ไก๋ว่า Project 880 ซึ่งระหว่างนั้น บทหนังดังกล่าวก็มักจะพูดถึงในฐานะของ “บทหนังยอดเยี่ยมของฮอลลีวู้ดที่ยังไม่ได้สร้าง”

3. เจมส์ คาเมรอน เป็นผู้กำกับที่ทำลายสถิติหนังที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดมาแล้วหลายครั้ง ไล่ตั้งแต่ Terminator 2 ซึ่งเป็นหนังเรื่องแรกที่ใช้ทุนสร้างเกิน $100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ, Titanic คือหนังเรื่องแรกที่ใช้ทุนสร้างสูงถึง $200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคราวนี้กับ Avatar ที่ใช้ทุนสร้างสูงถึง $237 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ Avatar กลายไปหนังที่แพงที่สุดในโลกไปแล้วเรียบร้อย และว่ากันว่า ถ้ารวมค่าทำการตลาดลงไปด้วย หนังเรื่องนี้น่าจะใช้งบไปไม่ต่ำกว่า $500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ!

4. ระหว่างการถ่ายทำหนังเรื่อง Avatar มีผู้กำกับแถวหน้าของฮอลลีวู้ดหลายคนเดินทางไปเยี่ยม เจมส์ คาเมรอน ที่กองถ่าย ไม่ว่าจะเป็นสตีเว่น สปีลเบิร์ก, ริดลี่ย์ สก็อตต์, กีลเลอร์โม่ เดล โทโร่, สตีเว่น โซเดอเบิร์ก และปีเตอร์ แจ็คสัน โดยทุกคนที่ได้เห็นฟุตเตจบางส่วนที่ตัดออกมา ล้วนแต่รู้สึกทึ่ง อึ้ง ตะลึงงัน ไปกับภาพสุดวิจิตร ตระการตา ของหนังเรื่องนี้ โดย คาเมรอน ได้สร้างโรงถ่ายชื่อ The Volume ขึ้นมาสำหรับถ่ายหนังเรื่อง Avatar โดยเฉพาะ ซึ่งโรงถ่ายแห่งนี้มีขนาดใหญ่กว่าโรงถ่ายทั่วๆ ไปในฮอลลีวู้ดถึง 6 เท่า!

5. เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดซึ่งใช้ถ่ายทำหนังเรื่อง Avatar ที่มีชื่อเรียกว่า Performance Capture เป็นการร่วมกันคิดค้นขึ้นมาโดยผู้กำกับ เจมส์ คาเมรอน และ Veta Digital ซึ่งเป็นบริษัทวิชวล เอฟเฟ็กต์ ของ ปีเตอร์ แจ็คสัน (ผู้กำกับ The Lord of the Rings ไตรภาค) โดยเทคโนโลยีที่ว่านี้ ไม่เพียงจะจับภาพการเคลื่อนไหวของนักแสดงได้เท่านั้น แต่ยังสามารถจับการแสดงออกทางสีหน้า ดวงตา และอารมณ์อื่นๆ ที่สื่อออกมาทางใบหน้าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย ซึ่งนวัตกรรมนี้นี่แหละ ที่ทำให้แวดวงภาพยนตร์ 3 มิติของโลก กำลังก้าวไปสู่วิวัฒนาการใหม่ๆ ที่ว่ากันว่าจะทำให้ วงการหนังเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล!
Avatar จะทำรายได้สูงกว่า Titanic จริงหรือ?

ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ออกฉาย แต่ก็มีคนออกมาทำนายล่วงหน้าแล้วว่า Avatar มีสิทธิ์ที่โค่นสถิติรายได้สูงสุดที่ Titanic เคยทำไว้ ถ้าอยากรู้ว่าเพราะอะไรเรามาดูต่อดีกว่า
เหตุผล 12 ประการ ที่หนัง AVATAR จะทำเงินมากกว่า Titanic

รายละเอียด :
จุดเปลี่ยนของวงการหนัง กับ เจมส์ คาเมรอน
กับ เหตุผล 12 ประการ ที่บันดาลให้ AVATAR ทำเงินมากกว่า Titanic
(และคาดว่ารายได้รวมจะมากกว่า 6.5 หมื่นล้านบาท)
1. 21 สิงหาเป็นวันแรกที่ ได้ฉายตัวอย่างหนัง 15 นาทีเรื่องนี้ฉายพร้อมกันทั่วโลก คนแห่แหนเข้าเว็บเพื่อจองที่นั่งเพื่อชม ตัวอย่างหนัง ซึ่งมีคนเข้าชมมากกว่า 10 ล้านคนในช่วงเวลาชั่วโมงแรกจนทำให้เว็บจองตั๋วล่มไปหลายชั่วโมง พอจองได้เพียงชั่วโมงเดียวตั๋วก็เต็มอย่างรวดเร็ว พอถึงคราวออก ตัวอย่างหนังแบบออนไลน์บนเว็บแอปเปิ้ล ก็มีคนเปิดดูวันแรกผ่านเว็บถึง 4 ล้านคนซึ่งถึงเป็นตัวอย่างที่เปิดดูสูงสุด ทิ้งห่างที่ 2 แค่ 1.7 ล้านคน
2. เป็นหนังทุนสร้างสูงที่สุด คาเมรอน ควักเนื้อตัวเองเพื่อสร้างกล้องแบบใหม่ ไฮเทค สำหรับหนังเรื่องนี้ ราคากล้องย่อมเยาว์แค่ 7 ล้านเหรียญ หรือ 245 ล้านบาท และรวมทุนสร้างหนังทั้งหมดรวมการตลาด ราวๆ 500 ล้านเหรียญหรือเท่ากับ ทุนการสร้างทไวไลท์ นิวมูน ได้ 10 รอบ (นิวมูนทุน 50 ล้านเหรียญ) และทุกค่ายหนังใหญ่ในอเมริกาเห็นตรงกันว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังฟอร์มบิ๊ก บึ้มสุดยอดจึงยอมไม่ปล่อยหนังใหญ่เรื่องอื่นใดในระยะเวลา 5 สัปดาห์ที่อวาทาร์เข้าฉาย

3. คาเมรอน เขียนบท Avatar 80 หน้ามาตั้งแต่ 1995 แต่เพราะเทคโนโลยีในช่วงนั้นยังไม่ดีพอ และโรงไอแมกซ์สามมิติยังน้อยมากไม่ถึง 100 โรง หลังจากสร้าง Titanic เสร็จเก็บเงินไป 1,800 ล้านเหรียญ หรือ 64,000 ล้านบาทและตุ๊กตาทอง 11 รางวัล จึงหยุดสร้างภาพยนตร์ทำเงินใหญ่ๆ ทั้งหลาย เป็นเวลานานถึง 11 ปี แล้วหันมาค้นคว้าและพัฒนากล้องถ่ายภาพยนตร์ 3 มิติที่เรียกว่า ฟิวชัน คาเมรา ซิสเตม เพื่อใช้กับ อวาทาร์ โดย เฉพาะใช้เวลาในการสร้างหนังเรื่องเดียวถึง 4 ปีซึ่งนานที่สุดในชีวิตของเค้า โดยหนังจะฉายบนจอสามมิติทั่วโลกกว่า 3000 จอ แต่จะมีรูปแบบพิเศษที่ใหญ่สุดๆ สามมิติทะลุ บนจอไอแมกซ์
4. หนังยาวแค่ 165 นาที !!!! (แค่ 2 ชั่วโมง 45) สาเหตุเดียวที่ คาเมรอนยอมตัดใจเหลือแค่นี้ก็เพราะว่า ถาดไอแมกซ์ซึ่งจะเป็นหนึ่งในฟอรแมตที่ดีที่สุดที่จะ ดูอวาทาร์บนจอยักษ์นั้น จุความยาวหนังได้สูงสุดแค่ 165 นาที ดังนั้น คาเมรอนจึงยอมตัดใจหั่นหนังให้สั้นลงกว่าที่อยากจะฉาย แต่ยังคงเป็นหนังที่ฉายในรูปแบบสามมิติไอแมกซ์ที่ยาวที่สุดในรอบ 40 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อตั้งไอแมกซ์มา
5. Avatar สร้าง นวัตกรรมใหม่ เป็นภาพยนตร์ที่ผสมผสานระหว่างคนแสดงกับการสร้างภาพด้วยคอมพิวเตอร์ให้ดูสม จริงเสมือนภาพถ่าย จนแยะแยะไม่ออก โดยสามารถย้ายฉาก เปลี่ยนเวลา บนท้องฟ้า พระอาทิตย์ขึ้น พระจันทร์เสี้ยว ก็ได้ หรือจะเปลี่ยนเวลาเช้า สาย บ่าย เย็น หรือกลางคืนก็ได้ควบคุมองค์ประกอบและงานออกแบบได้ทั้งหมด
6. เทคนิคโมชันแคปเจอร์ ที่ใช้กันทั่วไปนั้น จะเก็บภาพการเคลื่อนไหวของนักแสดงบนจอสีฟ้าหรือสีเขียว แล้วค่อยแทรกภาพฉากเข้ามาทีหลัง แต่เทคโนโลยีใหม่ของ คาเมรอน สามารถแทรกภาพนักแสดงที่กำลังแสดงแบบสดๆ กับฉากหลังที่สร้างด้วยคอมพิวเตอร์ เข้ามาในจอได้พร้อมๆ กันแบบเรียลไทม์

7. นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า เดอะ โวลุม ซึ่งใช้จับท่าทางของนักแสดงได้ดีกว่าเดิม โดยเฉพาะการแสดงสีหน้า และ เทคโนโลยีอีกแบบหนึ่งที่เพิ่งเริ่มใช้กับอวาทาร์เป็นเรื่องแรกก็คือ เวอร์ชวล 3D คาแมรา ซึ่งได้พัฒนาร่วมกันโดยตัว เจมส์ คาเมรอน กับ วินซ์ พาส และ วีต้า ดิจิตอล เวิร์คส์ ช่วยกันทำงานอย่างแข็งขันเพื่อผลิตภาพ สเปเชียล เอฟเฟกต์ สุดอลังการ
8. เจมส์ย้ำอีกครั้งว่าภาพยนตร์ เรื่องนี้ไม่ใช่ภาพยนตร์อนิเมชั่นแต่เป็นภาพยนตร์ที่คนแสดงจริงๆ แต่ใช้ CGI กราฟฟิกเข้าช่วยให้สมจริงเข้าช่วย โดยแต่ละฉากที่ท่านเห็นคือคนแสดงจริงๆ และใช้เครื่องมือที่จับหน้าตา ท่าทาง การแสดงออกซึ่งรวมถึงแววตาและรอยเหี่ยวย่นรอบดวงตาหรือการเกร็งของริมฝีปาก ของนักแสดงก็สามารถเห็นได้อย่างละเอียดยิบ มาขึ้นบนจอและใช้คอมพิวเตอร์กราฟฟิกเขาช่วยแปลง การที่แคเมรอนต้อง ลงทุนทำถึงขนาดนี้เพราะต้องการให้คนที่แปลงเป็นชาวต่างดาวนั้นไม่ต้องเสีย เวลาทำเมคอัพและแต่งตัวเพื่อแสดงวันละ 4-5 ชั่วโมงทุกๆ วัน เพื่อให้การแก้ไขรูปลักษณ์สุดท้ายสามารถทำได้ง่ายในคอมพิวเตอร์ โดยคาแมรอน บอกว่าสามารถควบคุมอากาศพระอาทิตย์ขึ้นลงได้เหมือนเป็นพระเจ้า
9. ภาษาต่างดาวของชาวนาวีที่พูดๆกันในเรื่องไมได้พูดมั่วๆ ติ๊ต่างขึ้นมาเอง เพราะคนอย่างคาแมรอนจ้างศาสตราจารย์ทางด้านภาษาศาสตร์จากแคนาดา ให้สร้าง ภาษาต่างดาวใหม่ของชาวแพนดอรา ขึ้นมาตามหลักแกรมม่าและหลักภาษาสากล
10. หนังเรื่องนี้สร้างขึ้นมาให้เป็นสามมิติแบบเรืองแสง คนดูจะหลุดเข้าไปในโลกแพนโดราที่มีพระเอกหล่อล่ำ แซม วอร์ทิงทัน ที่แสดงในคนเหล็ก 4 แสดงนำ

11. คาแมรอน เองบอกว่า ตนจะได้เงินคืนเมื่อมีคนดูรายได้ พันล้านเหรียญดังนั้นจึงจะต้องให้ทุกโรงภาพยนตร์ทั่วโลกฉายพร้อมกัน แต่จะดูให้เด็ดที่สุดต้องดูแบบสามมิติบนจอยักษ์ไอแมกซ์เท่านั้น และเชื่อว่าจะมีคนดูซ้ำหลายๆ รอบเพื่อเก็บรายละเอียดหนังที่ฉายบนจอยักษ์เท่าตึกแปดชั้น และมั่นใจสุดยอดว่า เงินพันล้านเหรียญจะได้มาชิวๆ จึงเซ็นสัญญากับนักแสดงทั้งหมดอีก 2 ภาคต่อ เตรียมออกเป็นหนัง ไตรภาคเพื่อแข่งกับ สตาร์วอรส์ และ เดอะ แมทริกซ์
12. ถ้าจะดูอวาทาร์บนจอ ไอแมกซ์แนะนำให้จองกันล่วงหน้า ก่อนหนังเข้าฉายวันที่ 17 ธันวาคม ที่ขายตั๋วไอแมกซ์ หรือเว็บเมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ เพราะเมื่อครั้ง ทรานสฟอรเมอรส์ 2 ฉายที่ไอแมกซ์ สองสัปดาห์แรกที่เข้าฉายเต็มทุกที่นั่งเพราะเมืองไทยมีไอแมกซ์แค่โรงเดียว
review (ส่วนตัว)
ผมว่านี้เป็นหนังที่ผมไม่ได้สัมผัสมาในรอบหลายปีเลยนะครับ เรื่องก็มียุว่ามนุษย์เราค้นพบดาวดวงใหม่ ชื่อ pandora แล้วก็มีแร่ที่สามารถทำเงินได้เยอะ ก็มาปักหลักที่ดาวดวงนี้แล้วก้ได้พบกับชาว navi ที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองของดาวดวงนี้ เลยเป็นเหตุให้เกิดการ สู้รบกันขึ้น
พูดถึงเรื่องของฉากก่อนเลยดีกว่า เจมส์ คาเมรอน ทำโลกใหม่ให้ออกมาสวยตระการตามากๆ มีหายอย่างที่ผมดูแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่า คิดขึ้นมาได้ยังไงจินตนาการสร้างทุกสรรพสิ่ง ที่คิดว่าจะต้องมีในโลก เก็บรายะเอียดแต่ละอย่างได้ดีมากๆ ใครที่ชอบดูหนังประเภทที่ตระการตา ฉากสวยๆ แนะนำเลยครับ
ด้านการดำเนินเรื่องผมว่า เจมส์ คาเมรอน ดำเนินเรื่องได้มีชั้นเชิงมากเลยนะ จังหวะของหนัง ที่มีจังหวะให้คนดูได้สัมผัส แล้วก็รู้ว่าควรจะบิ๊วหรือซอฟท์ ตรงไหน ทำให้หนังมีความรู้สึกที่หลากหลาย พอเศร้าก็เศร้า พอจะฮึกเหิม ก็ทำให้เราอินตามไปด้วย ทำให้คนดูรู้สึกได้กับอารมณ์ของหนัง
ส่วนที่สื่อออกมาที่ผมรู้สึกได้จากหนังเรื่องนี้ก็คือ เรื่องราวของมนุษย์กับธรรมชาติ ที่ผมเข้าใจได้หลักๆก็จะมี ความสัมพันธ์ของเรากับธรรมชาติเจมส์ คาเมรอน สื่อให้เห็นด้านนี้ชัดเจนมาก ที่เหลือก็จะเป็นรายละเอียดอื่นๆที่จะเกี่ยวข้องกับความเป็นมนุษย์ ซะส่วนใหญ่ ซึ่งก้ให้แง่คิดกับเราไม่ใช่น้อยเลย
สำหรับใครที่ชอบอะไรใหม่ๆ แล้วก็ชอบดูหนังแนวเอฟเฟคตระการตา นี้เป็นอีกเรื่องที่ผมอยากจะแนะนำเป็นอย่างมาก แล้วคุณจะได้ความสนุก แล้วก็แง่คิดอะไรใหม่ๆไปอีกเพียบเลยครับ
by vinsant
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น